ถ้าจะมีสักคนที่หลงใหลในชีวิตธรรมดา คนนั้นคงเป็นแม่….
แม่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสองสามชุดกะให้พอสำหรับสองวันหนึ่งคืน
มีกางเกงพร้อมเลอะไปตัวนึง เผื่อไว้..ผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำง่ายๆ
ไล่ดูปฏิทินสะสางงานค้างให้หมด หยิบแค่กล้องตัวเล็ก มือถือ หูฟังติดไปด้วยเผื่อเหงา คอมพ์ไม่ต้องดีกว่า
ไม่รู้สิ…บ้านแหลมโฮมสเตย์
ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าที่นั่นเป็นยังไง แน่ละ แม่คิดถึงโฮมสเตย์ที่เคยไปพัก บางที่ก็หนักหนาเกินอธิบาย กับที่นี่แม่จึงไม่คาดหวังสิ่งใดแม้แต่นิด ข้อมูลที่ได้รับก่อนมาคือ ที่นี่เป็นชุมชนมุสลิม….ฟังดูแปลก แม่อาจเคยไปชุมชนมุสลิมมาบ้าง แต่เอาจริงก็ไม่เคยไปนอนโฮมสเตย์ชาวมุสลิมมาก่อน แล้วนี่เป็นชาวมุสลิมที่เป็นชาวประมงอีก…
ออกเดินทางไฟล์ทแรกของแอร์เอเชียจากดอนเมือง ไฟล์ทเช้าสุด บินใต้ให้เลือกซ้าย..ประโยคนี้แม่จดไว้กันลืมในโน๊ต ก็ถ้านั่งด้ายซ้าย จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นน่ะ และนั่นหมายความว่าหากพระอาทิตย์เช้านั้นสวยมันทำให้แม่ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่อความงามของพระอาทิตย์ขึ้นลงจะไม่ได้นอนบนเครื่อง
วันนั้นแสงสวยมาก…แค่เริ่มเดินทางก็ดีแล้ว
จากนั้น…ยี่สิบนาทีได้มั้ง ก็ถึงบ้านแหลมโฮมสเตย์ อ.ท่าศาลา มองไปรอบเห็นบ้านไม้เป็นหลังๆ เป็นบ้านแบบไม่มีรั้วกั้น มีบ้านก๊ะไหมปลูกมัลเบอรี่เยอะมาก ก๊ะไหมมีขนำหลังน้อยๆ น่ารักทำเป็นโฮมสเตย์ให้พัก บ้านม้ะตำน้ำพริก เจนนี่นั่งทอดขนมปาดา(ขนมท้องถิ่นเหมือนโดนัททอด ที่แป้งทำจากกล้วย และไส้ทำจากใบโกงกางผสมมะพร้าวทึนทึก) ม้ะนั่งลอกใบลานด้วยปาก ใกล้ๆ กันมีท่าเรือชาวประมง เรือเพิ่งกลับพอดี “วันนี้ได้กุ้งกับปลาครับ” พี่บังคนนึงหันมายิ้มและบอกราวกับเป็นคนรู้จักกันงั้นแหละ (ใจดีจัง) “หน้านี้ไม่มีปูกับกั้งนะครับ” (รู้ได้ไงว่าอยากกินปู) “กินปูต้องมาเดือน….ครับ” (เห้ย..รู้อีก คิดอะไร)
คือกุ้งกะปลาที่จับมา คือสดมาก และคือแม่เริ่มยิ้มกับตัวเองที่เลือกมาที่นี่ สองวันนี้ไม่เพียงแต่อาหารทะเลสดๆ ที่ชาวบ้านแปรรูปทำอาหารสารพัดเมนูสุดสร้างสรรให้กินแล้ว พวกเค้ายังพานั่งเรือประมงออกไปเก็บใบโกงกางมาทำอาหารอีก ใช่..ได้นั่งเรือประมงจริงๆ เก็บใบโกงกางจริงๆ เลือกเด็ดประมาณใบอ่อนที่สองจากยอดนะ ถ้าใบอ่อนไปทำอาหารแล้วใบจะคายน้ำออกมาทำให้แฉะ โกงกางชุบแป้งทอดอร่อยมากเหมือนกินเทมปุระ ไม่สิ อร่อยกว่าเทมปุระอีก ปลาสองสัญชาติ (ปลาทอด/ปลานึ่ง) ต้มมันปลาลัง ปลาหมึกขี้มิ่น กุ้งคั่วเกลือ ข้าวมันทะเลโคลน (ข้าวหุงสีดำๆ ที่แท้เป็นข้าวคลุกดีปลาหมึกอร่อยเด็ด) แกงเหลือง ปลานึ่งปลาทอด มะพร้าวอ่อนเป็นทลายวางไว้ให้ดื่มได้ตลอด ดีมาก 555
ก่อนค่ำ ชาวบ้านพานั่งมอไซค์พ่วงข้างไปกินชาโรตีอีก ดีมากขึ้นไปอีก
ที่นอนคืนนี้ของแม่ เป็นที่นอนปูผ้าสีขาวสะอาด ผ้าห่มลายเบนเท็น มุ้งครอบสีชมพู บ้านไม้สองชั้นทั้งหลังถูกครอบครองโดยแม่ พี่มายด์และพี่นุ่น พื้นบ้านปูด้วยไม้แผ่นหนาแบบไม่แนบสนิทกัน เวลาเดินให้ลงส้นเบาๆ จะได้ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด เจ้าของบ้านคือบังฟิต เรียนจบจากอุเทนถวาย 555 (ข้ามไปๆ ไม่กล้าแซวเลย) บังฟิตทิ้งเบอร์โทรไว้ให้แล้วบอกว่าฉุกเฉินต้องการอะไรก็โทรหาได้ บังทำงานเขียนแบบถึงดึกและบ้านอยู่ไม่ไกล พร้อมดูแล พวกเราทยอยกันอาบน้ำ เปิดพัดลมเบาๆ ในบ้านมีทีวีแต่ไม่เห็นใครเปิด อย่างที่ลูกรู้ หัวถึงหมอนแม่ก็นอนสบายภายใต้มุ้งสีชมพู
ก่อนสว่างได้ยินเสียงละหมาดแว่วมาไกลๆ แม่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น สัมผัสได้ถึงความศรัทธา ความรัก ความสงบ
ตีห้าสี่สิบห้า ล้างหน้า ไม่อาบน้ำ เดินออกจากบ้านไปลงเรือเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น สปาโคลน และปลูกป่าโกงกาง
บังสันติเตรียมอาหารเช้าไว้ให้บนเรือ อันได้แก่ กาแฟ ไมโล ข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวมันแกง มีปลาท่องโก๋ถูกย่างส่งกลิ่นหอมบนเตาอั้งโล่ที่ท้ายเรือ กาแฟธรรมดาถูกบรรจงชงด้วยน้ำร้อนในกา เรากินอาหารเช้าบนเรือไปด้วยกันกลางทะเล มีเสียงเครื่องยนต์ และแสงเช้า “จิบแฟแลหวัน” บังว่างั้น (จิบกาแฟแลตะวัน) งื้ออออ แม่แพ้ทางชีวิตธรรมดาแบบนี้อ่ะ ยอมศิโรราบ
พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้ว ยามเช้าของชีวิตที่นี่เริ่มขึ้นแล้ว นกออกบิน ไฮไลท์บ้านแหลมอยู่ที่นี่ สปาโคลน แม่นั่งในเรือดูบังๆ น้องๆ กระโดดน้ำตูมๆ ดำผุดดำว่ายดิ่งลงไปควักเอาโคลนมาพอก สีโคลนออกจะอมฟ้าหน่อย พวกผู้ชายเล่นพอกตัวให้กันและกันสนุกสนาน โคลนที่นี่เนื้อละเอียดมาก ไม่มีกลิ่นเป็นครีมโคลนที่ไหลมาจากเทือกเขาหลวงนคร ผ่านป่า ผ่านนา ไม่ผ่านโรงงาน ไม่ผ่านฟาร์ม
แถมมีใบรับรองสี่ใบว่าไม่มีสารตะกั่ว ปลอดภัย ออร์แกนิกแน่นอน อิอิ
แม่ลองนั่งพอกในเรือแบบสวยๆ ก็ดีเหมือนกัน ความรู้สึกเหมือนไปทำสปา สบายหน้าจัง อากาศเริ่มเย็น ปล่อยให้ลมทะเลตีหน้าเรา กลับไปหน้าแม่จะเด้งไหมนะ
ขากลับเข้าหมู่บ้านฝนตกพรำ บังสันติหยิบเสื้อกันฝนมาแจก บอกว่า “ใส่ครับ กันลมจะได้ไม่หนาว” เนี่ย..BCบ้านแหลมชัดๆ
เรือเข้าท่า พวกเราลงไปอาบน้ำที่บ้าน แม่นั่งเก็บของ หูฟังที่เอาไปฟังเพลงแบบคนกลัวเหงานั้นยังไม่ได้แกะออกมาฟังสักเพลง ซีรีย์ที่โหลดมาก็ไม่ได้ดูเช่นกัน บางขณะแม่ว่าแม่ลืมไปเลยว่าลูกรออยู่ 555
ก่อนลาจากบ้านแหลม..แม่คิดในใจละว่าจะกลับมาอีก บังทักษิณยิ้มโบกมือบ๊ายบาย “แล้วกลับมาเที่ยวอีกนะครับ บ้านแหลมยินดีต้อนรับ บ้านแหลมไม่มีอะไร มีแต่หัวใจกับฟามสุข” (งื้ออออ เอาอีกแล้ว…คนที่นี่เขาอ่านใจได้หรือไงกันนะ)
ขากลับ พวกเราแวะบ้านหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน มีโอกาสได้ชมอ.วาที นายหนังเล่นหนังตะลุงสั้นๆ ให้ชม ได้อิ่มใจไปอีก
คิดถึงทะเลทองคำดำที่ไม่เหมือนใคร ทะเลที่รักษาตัวตน ที่นี่อาจไม่ใช่ที่ที่สวยที่สุด แต่เป็นที่ที่เราจะได้ยิ้มและหัวเราะเต็มที่ แกะกุ้ง เก็บผัก ตำน้ำพริก ทำกับข้าว เฉาะมะพร้าว นั่งรถพ่วง กินอิ่มนอนหลับ
อย่างที่บอก…ถ้าจะมีสักคนที่หลงใหลในชีวิตธรรมดา คนนั้นคงเป็นแม่
#HappyHomeHappyStay
#theErawanGroup
#บ้านแหลมโฮมสเตย์
#LocalAlike
